top of page

"อย่าตำหนิครูผู้ประเสริฐของฉันอีกเลย"


จากกรณีที่มีผู้บิดเบือนภาพลงในสื่อโชเซียลด้วยมีจิตอคติและถามว่า สตรีในภาพนี้ท่านคือใคร หวังว่าบทความที่เขียนขึ้นจากศิษย์ด้วยจิตกตัญญูนี้ จะทำให้จิตของผู้สงสัยและหลงคิดปรามาส มีความกระจ่างและไม่ติดกรรมอันใด .... "อย่าตำหนิครูผู้ประเสริฐของฉันอีกเลย" ท่านอาจารย์อัจฉราวดี วงศ์สกล..ครูผู้ประเสริฐของฉัน. ท่านสอนอะไรฉัน ถึงเคารพบูชาท่านนักหนา.. ท่านสอน...“การมีคารวะธรรม” ท่านสอนโดยการลงมือปฏิบัติให้ฉันเห็น.. แล้วฉันเห็นอะไรหรือ__ฉันเห็นครูผู้มีคุณธรรมความดีอันประเสริฐของฉัน ผู้แม้ในรูปสมมุติจะเป็นฆราวาสในเพศสภาพอันเป็นอิสตรี แต่ก็หาได้มีความด่างพร้อยในข้อวัตรแห่งการปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ปฏิบัติตรงตามหลักพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า และแท้ที่จริงแล้ว ในทางพุทธศาสนา โดยความจริงอันสูงสุด (Absolute Truth หรือ ปรมัตถธรรม) แล้ว สรรพสิ่งทั้งหลายทั้งปวงนั้นไม่พึงยึดมั่นถือมั่น เพราะล้วนตกอยู่ภายใต้กฎแห่งพระไตรลักษณ์ คือ ไม่เที่ยง ‘อนิจจัง’ ฉะนั้น เพศสภาพ สถานะทางสังคม เชื้อชาติ บุคคล พ่อค้า ปลา แมว ภูเขา โต๊ะ .. สำหรับฉัน จึงเป็นเพียงสมมติสัจจะ หรือความจริงโดยสมมติเพียงเท่านั้น... กิเลสกับธรรมไม่มีเพศ ดังพระอรหันตเจ้าหลวงตามหาบัวได้เคยแสดงธรรมไว้ว่า “..นิยมไหมว่าเป็นผู้หญิง ผู้ชาย เพศหญิง เพศชาย กิเลสกับธรรมไม่มีเพศ จิตผูกได้ด้วยกันทั้งนั้น แก้ได้ด้วยกัน นี่ผลแห่งการแก้ การบำเพ็ญ จะเป็นฆราวาสก็ตาม ก็เป็นอย่างให้เห็นอยู่นี้แหละ นี่เป็นอยู่ที่จิต ผู้ปฏิบัติต่อจิตเป็นอย่างนี้..” “อย่าว่าแต่เพศเลยที่ไม่มี ตัวเธอทั้งหลายก็ไม่มีเช่นเดียวกัน”.. “ถอนทิฐิอัตตา คลายความยึดมั่นถือมั่นในตัวตนของเธอลงเสียบ้าง...ครูของฉันในยุคกึ่งพุทธกาลนี้สอนฉันให้ถึงธรรมของพระบรมศาสดาที่ได้ทรงตรัสรู้ชอบนั้นเช่นเดียวกัน.. “..พระพุทธองค์สอนให้ปล่อยวาง เพราะเราครอบครองอะไรจริงๆ ไม่ได้เลย เมื่อครอบครองไม่ได้ ก็คาดหวังไม่ได้ เมื่อไม่มีความยืดมั่นถือมั่น ก็เท่ากับไม่มีตัวเรา เมื่อไม่มีเรา ก็ไม่มีที่ให้ความทุกข์มาเกาะใจ มนุษย์ทุกคนสามารถบรรลุธรรมและเป็นอิสระจากภัยแห่งวัฏสงสารได้เท่ากัน..” แล้วครูของฉันสอนอะไรอีก.. ปูชา จ ปูชนียานํ_การบูชาผู้ควรบูชา .. ท่านสอนโดยการลงมือปฏิบัติให้ฉันเห็น.. ท่านสอนฉันให้มีสัมมาคารวะอันอ่อนน้อม ละเมียดละมัย โดยการแสดงการสักการะ ด้วยความเคารพ ยกย่องกราบไหว้ด้วยความบริสุทธิ์บริฐูรณ์หมดจดต่อบุคคลที่ควรบูชา หรือสิ่งอื่นๆ ที่ควรค่าแก่การบูชา ทั้งรูปสัญลักษณ์เช่น ธงชาติไทย พระไตรปิฎก พระบรมราชานุสาวรีย์ อันเป็นตัวแทนสถาบันชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ด้วยจิตอันนอบน้อมเต็มเปี่ยมด้วยคารวะธรรม ด้วยกตัญญุตาธรรม.. ท่านสอนฉันให้แสดงออกอย่างมีสัมมาคารวะ ให้หมดจดงดงามทั้ง กาย วาจา และใจ ด้วยการเคารพนบไหว้ ไปจนถึงการถวายบังคม เพื่อแสดงความเคารพอย่างสูงยิ่งในการบูชาบุคคลผู้ควรบูชา อันจัดว่าเป็นอุดมมงคลของชีวิต.. โดยอีกครั้ง..ที่ท่านสอนโดยการลงมือปฏิบัติให้ฉันเห็น.. พุทธคารวะตา การเคารพในพระพุทธเจ้า … .. ท่านสอนโดยการลงมือปฏิบัติให้ฉันเห็น.. แล้วฉันเห็นอะไรหรือ…. ฉันเห็นท่านปฏิบัติต่อผู้มีพระคุณอันควรแก่การกราบไหว้บูชา โดยบุคคลขั้นสูงสุด คือ พระพุทธเจ้า โดยการแสดงความคารวะอย่างสูงสุดด้วยการกราบถวายบังคมพระพุทธเจ้า.. ไม่ว่าจะเป็นพระพุทธรูป หน่อต้นพระศรีมหาโพธิ์ หรือเพียงภาพปัก หากด้วยกิริยาอาการอันอ่อนน้อมนุ่มนวล ก็เป็นการแสดงธรรมแห่งการปฏิบัติบูชาต่อผู้ทรงคุณของโลกด้วยความเคารพ ด้วยความมีคารวะอย่าง หมดจดงดงามยิ่ง.. สังฆคารวะตา การเคารพในพระสงฆ์... ท่านสอนโดยปฏิบัติให้เห็น . "แม้จะเป็นเพียงรูปหล่อ แต่เมื่อสิ่งนั้นทำให้ใจเราคิดถึงใคร ก็ต้องประพฤติต่อสิ่งนั้นด้วยความเคารพ นอบน้อมยิ่ง เพราะนั่นคือวิถีที่ศิษย์พึงกระทำต่อพ่อแม่ครูบาอาจารย์ เป็นวิถีของจิตปรมัตถ์ ไม่ใช่มองเห็นแค่เปลือกสมมติ..ผู้เคารพ เชื่อฟัง กตัญญูต่อครูบาอาจารย์ ย่อมมีความเจริญทั้งในปัจจุบันและอนาคต ผู้เคารพ เชื่อฟังเชิดชูเกียรติครูบาอาจารย์ ทั้งเมื่อท่านยังมีชีวิตอยู่และเมื่อท่านจากไปแล้ว สามโลกย่อมสรรเสริญ และจะเป็นบ่อเกิดแห่งความดีงามได้ ชั่วกาลนาน..” “..อามิสบูชาเป็นอุดมมงคลแห่งชีวิต เพราะทำให้เกิดความสุขความเจริญ เป็นเหตุแห่งสุคติ แต่การปฏิบัติบูชา ปฏิบัติชอบ ปฏิบัติตรง อันเป็นเหตุแห่งพระนิพพาน เป็นสิ่งที่สำคัญมากกว่า..” ปฏิสันถารคารวะตา คือ การเคารพในปฏิสันถารต้อนรับด้วยธรรม .. ท่านสอนโดยการลงมือปฏิบัติให้ฉันเห็น.. _ฉันเห็นท่าน แม้ในฐานะวิปัสสนาจารย์ผู้สอนธรรมแท้ แต่หากเมื่อมีศิษย์มาอำนวยพร โดยได้อาราธนาพรจากคุณพระศรีรัตนตรัยแล้วไซร้ ครูของฉันก็ยกมือขึ้นพนมอย่างนอบน้อมเพื่อรับไหว้ และน้อมอนุโมทนาในจิตกตัญญูของเหล่าศิษย์ทุกคราไป.. ครูของฉัน ท่านสอนอะไร.. ท่านสอนธรรมแท้ที่ไม่ได้เป็นไปเพื่อความโลภ หลงในลาภสักการะและติดบุญ แต่เพื่อการพ้นทุกข์ เพื่อพระนิพพาน และมีความกตัญญูอันกล้าหาญ ออกมาปกป้องพระบรมศาสดา อย่างที่ไม่เคยมีใครกล้าทำมาก่อน ด้วยการก่อตั้งองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไร ที่ชื่อ โนอิ้ง บุดด้า (Knowing Buddha) เพื่อการปกป้องพระพุทธศาสนา ในการปลุกจิตสำนึก “ธรรมะกตัญญู” ต่อพระบรมพระศาสดา เพื่อให้เกิดภาพรวมของการรวมใจไปสู่โลก ว่า พระพุทธเจ้า คือ พระพุทธบิดาของชาวพุทธ ที่โลกมิพึงลบหลู่ หรือกระทำต่อพระสัญลักษณ์ พระเกียรติ พระนามโดยปราศจากความเคารพ ดังเช่นการนำพระนามของพระองค์ไปตั้งเป็นชื่อชื่อบาร์ ชื่อสุนัข ชื่อธุรกิจ ทุกรูปแบบ.. การนำพระสัญลักษณ์ แม้พระเศียรของพระพุทธไปใช้เยี่ยงเฟอร์นิเจอร์ เช่น วางไว้ในห้องน้ำ ห้องรับแขก โดยเห็นเป็นเรื่องปกติ แม้ภาพพิมพ์พระพุทธรูปก็ยังถูกนำไปเป็นสินค้าขาย รวมถึงรองเท้าแตะ ผ้าเช็ดตัว ฝาชักโครก หรือแม้แต่กางเกงใน.. ที่จนกระทั่งทุกวันนี้ ก็ยังไม่มีองค์กรพุทธใดออกมาปกป้อง พระเกียรติพระศาสดาอย่างเป็นรูปธรรม ......แต่ครูผู้ประเสริฐของฉันได้แสดงความกล้าหาญ ในการยืนหยัดปกป้องพระบรมศาสดาอย่างมั่นคง ไปทั่วโลก ด้วยหัวใจที่แกร่งกล้าแต่บริสุทธิ์งดงาม ด้วยพลังแห่งอหิงสธรรม หนักแน่นและไม่ค้อมหัวกลัวเกรงต่ออธรรม ครูของฉัน ท่านเป็นใคร.. ๑๐ ปีในการภาวนาในฐานะนักปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานที่เป็นฆราวาส กว่า ๔,๐๐๐ ชั่วโมงในจิตพากเพียรแห่งการพ้นไป และอีกกว่า ๔ ปีในการบ่มเพาะธรรมให้กระจ่างด้วยการภาวนานับหมื่นชั่วโมง จนได้มาสอนวิปัสสนากรรมฐานเพื่อมรรคผลนิพพาน..การมีลูกศิษย์มากกว่า ๔,๐๐๐ คน ทั้งฆราวาสในหลากหลายสาขาวิชาชีพและพระภิกษุสงฆ์ ย่อมเป็นเครื่องพิสูจน์ได้เป็นอย่างดี ถึงความทุ่มเทเสียสละในหัวใจครู ผู้สอนธรรมแท้เพื่อการหลุดพ้น ด้วยวิธีปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานตามหลักสติปัฏฐานสี่ ในเทคนิคการใช้ธาตุไฟในกายมาชำระจิตให้บริสุทธิ์ โดยการเผากิเลส เพื่อให้เกิดความก้าวหน้าในมรรค มุ่งทำลายขุดรากถอนโคนอาสวะกิเลสเครื่องดองสันดาน ซึ่งครูของฉันเรียกวิธีการปฏิบัตินี้ว่า “เตโชวิปัสสนา-ธรรมของคนจริง” เป็นธรรมภาวนาของคนใจถึง เป็นธรรมของนักรบในแดนจิตที่มีใจมุ่งมั่นสู่ทางนิพพาน ครูของฉัน ท่านสอนอะไร.. ท่านสอนให้ฉัน..รู้จักตัวเอง กล้าหาญที่จะเผชิญกับความทุกข์จากธรรมที่ควรรู้ยิ่ง คือ อริยสัจ ๔ ท่านสอนให้ฉัน..รู้จักการอภัย ละความลุ่มหลงในโลกธรรม ละความพยาบาทและมีเมตตา ท่านสอนให้ฉัน..มีหัวใจที่ยิ่งใหญ่ อ่อนน้อม มีคาราวะธรรม ท่านสอนให้ฉัน..หนักแน่น กล้าหาญ และเสียสละ ครูของฉัน.. ท่านสอนธรรมของพระพุทธเจ้า ให้ฉันมุ่งตรงต่อการหลุดพ้นจากสังสารวัฎด้วยใจที่แน่วแน่ และเด็ดเดี่ยว ท่านฝึกฉันให้เข้าถึงความจริงอันกระจ่าง เผชิญหน้ากับทุกข์ที่ประสบอยู่ ด้วยใจที่สงบวาง ท่านสอนการเพียรภาวนาเพื่อดับกิเลส ดับความทะยานอยาก ถอนจิตจากความลุ่มหลง ท่านสอนให้ฉันมั่นคงในศีล ละอายชั่วกลัวบาป มีสติระลึกรู้อยู่ทุกเมื่อ รู้เท่าทันตัณหา ท่านเพียรสอนให้ฉันรู้ทันจิต ละวางอัตตา รู้วางอุเบกขา ท่านสอนให้ฉันเป็นคนดีที่มีความกตัญญู รู้คุณแผ่นดิน ท่านสอนให้ฉันเคารพตัวเองและเคารพผู้อื่น ท่านสอนให้ฉันเป็นนักสู้..สู้กับกิเลสในตัวตน ท่านคือยอดนักสู้ผู้เสียสละทุกอย่างได้เพื่อลูกศิษย์.. นี่ล่ะคือครูผู้ประเสริฐของฉัน. อย่าตำหนิครูของฉันเลย.. หากเสี้ยววินาทีแห่งการบันทึกภาพบรรพชิตรับไหว้นี้ อาจก่อให้เกิดคำถามอันนำไปสู่การด่วนตัดสินสรุปด้วยความตื้นเขินแห่งจิต อันเป็นผลจากอวิชชาเกาะกุมใจ.. สุภาพสตรีผู้นี้คือใคร..ทำไมทุกคนในภาพทั้งหญิงชายเพศบรรพชิตและฆราวาสให้ความเคารพขนาดนั้น สุภาพสตรีผู้นี้คือ..ครูของฉันและเหล่าศิษย์..ผู้เป็นบ่อเกิดแห่งปุญญสัมปทา ผู้สอนทางแห่งพระนิพพาน สุภาพสตรีผู้นี้คือ..ครูผู้อุทิศทั้งชีวิตเพื่อเป็นบ่อเกิดแห่งความดีงาม.. สุภาพสตรีผู้นี้คือ..ครูที่พวกฉันเต็มใจประณตน้อมสักการ สุภาพสตรีผู้นี้คือ..ครูผู้ทั้งประสาทวิชชา พร้อมทั้งอบรมจริยาแก่ศิษย์ผู้เคยมีธุลีในดวงตาอย่างฉันได้เห็นธรรม สุภาพสตรีผู้นี้คือ..ครูมีคุณความดีอันประเสริฐที่ปวงศิษย์พึงควรแสดงความเคารพ ระลึกถึงพระคุณอันอนันต์ ด้วยใจที่เปี่ยมด้วยกตัญญูบูชา.. นี่ล่ะคือครูผู้ประเสริฐของฉัน. บรรพชิตตั้งแถวรับไหว้สีกา ไม่งาม.. อย่าเพ่งโทษครูผู้ประเสริฐของฉันเลยจ้ะ..เสี้ยววินาทีนั้น เหล่าบรรพชิตผู้เป็นศิษย์แห่งท่าน ได้เมตตามาส่งครูผู้เดินทางมาเยี่ยมคาราวะสงฆ์จากแดนไกลให้เดินทางกลับโดยสวัสดิภาพ ครูของฉันท่านยกมือพนมเพื่อไหว้อำลาและรับพร หาใช่ครูของฉันรับไหว้อย่างที่มีผู้ตั้งข้อสังเกตเชิงอคติไม่.....ภายหลังจากบรรพชิตท่านรับไหว้ครูของฉัน ท่านเพียงยกมือรับไหว้ชั่วเศษเสี้ยวแห่งวินาที แล้วจังหวะเสี้ยววินาทีนี้เอง ภาพนี้ถูกผู้มีอคตินำมาบิดเบือน ทำลายเกียรติแห่งสงฆ์และทำลายครูของฉัน...ผู้มีคาราวะธรรมยิ่งแล้ว ครูของฉันท่านสอนฉันว่า..ให้เปิดหัวใจ..อวิชชาคือต้นเหตุที่ทำให้คนเวียนว่ายตายเกิดและติดอยู่ในวิถีกรรมด้วยความเห็นผิด ความเป็นจริงข้อนี้ถูกปิดบังไว้จากจิตอคติที่ยังไม่เห็นธรรม..เพื่อจะรู้แจ้งเห็นจริงและมีสัมมาทิฐิ จึงจำเป็นต้องฝึกวิปัสสนาภาวนาให้จิตเกิดปัญญาเพื่อการหลุดพ้น.. มาช่วยกันยังโลกนี้ให้สว่างกันเถอะจ้ะ..โลกใบนี้มืดพอแล้ว.. ...และอย่าตำหนิครูของฉันอีกเลยนะจ้ะ. ขอบูชาพระคุณสมเด็จพระสมณโคดมบรมครู..บุญใดที่ข้าพเจ้าได้จากความกตัญญูนี้ ขอให้ครูที่รักยิ่งของข้าพเจ้า และบรรดาปราชญ์ทั้งหลายที่ได้อุทิศทั้งชีวิตเพื่อปกป้องพระพุทธศาสนา จงมีส่วนแห่งบุญนี้ ด้วยบุญนี้ ขอปวงข้าพระพุทธเจ้ามีพลังที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งที่ควรจะเปลี่ยน มีขันติที่จะอดทนต่อสิ่งที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้....และเหนือสิ่งอื่นใด ขอให้ปวงข้าพระพุทธเจ้ามีปัญญาที่จะรู้ถึงความแตกต่างของสองสิ่งนั้น .. ปาเจราจริยา โหนติ คุณุตตรานุสาสกา. . กัลย์รญาณ์ ศรีภิรมย์ 29 พฤศจิกายน 2558

bottom of page