สรุปประเด็นโควิดจากข่าวต่างประเทศ #2

.

อีกหนึ่งปัญหาของคณะแพทย์ในประเทศไทยที่กำลังแบกรับ ทั้งโรงพยาบาลทั่วไป และโรงพยาบาลสนาม คือมีผู้ป่วยเข้ามารักษาจำนวนมาก เตียงที่มีอยู่จึงไม่เพียงพอต่อความต้องการ ผลพวงนี้อาจมาจากความเชื่อ และการประโคมข่าวว่า ใครป่วย ใครติด แม้แต่ “ผู้ป่วยที่อยู่ในเกณฑ์สีเขียว” ก็ต้องแยกตัวไปเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล หรือโรงพยาบาลสนาม ซึ่งส่งผลทำให้เตียงเต็มจนผู้ที่ “มีอาการหนัก” ไม่สามารถเข้าทำการรักษาได้อย่างทันท่วงที . อันที่จริงแล้วผู้ป่วยที่อยู่ในเกณฑ์กลุ่มสีเขียว ที่ได้รับการตรวจและมีผลแพทย์วินิจฉัยเป็นบวกสามารถทำ Home isolation ได้ จึงไม่จำเป็นต้องเข้าไปรักษาในโรงพยาบาล ซึ่งจะทำให้มีเตียงว่างเพียงพอสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการหนัก น่าจะเป็นวิธีการที่สมเหตุสมผลและเหมาะสมกว่า . ซึ่งในประเทศอังกฤษนั้นก้าวหน้าไปยิ่งกว่านั้นอีก คือ ตั้งแต่วันที่ 16 สิงหาคม เป็นต้นไป ผู้ที่ใกล้ชิดหรือสัมผัสผู้ป่วยโควิด หากท่านฉีดวัคซีนครบแล้ว หรือมีอายุต่ำกว่า 18 ปี ก็ไม่ต้องเข้าโรงพยาบาลหรือทำ Home Isolation อีกต่อไป สามารถกลับไปทำงานหรือเรียนหนังสือ ใช้ชีวิตตามปกติได้ทันทีไม่ต้องกักตัวใดๆ . นายซาจิด จาวิด รัฐมนตรีสาธารณสุขของอังกฤษ กล่าวว่าผู้ที่ได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 ครบแล้ว ในกรณีที่ใกล้ชิดผู้ที่ติดเชื้อก็ไม่จำเป็นต้องกักตัว การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนที่ต้องแยกออกมากักตัว หรือต้องขาดเรียน ให้กลับไปใช้ชีวิตตามปกติภายใต้มาตรการของรัฐ . นายจาวิดกล่าวอีกว่า ผู้ที่สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อโควิด-19 จะได้รับคำแนะนำให้เข้ารับการตรวจหาเชื้อโดยเร็วที่สุดนอกจากนี้ ทางการอังกฤษกำลังพิจารณาหาแนวทางเพื่อยกเลิกมาตรการกักตัวสำหรับผู้ที่ฉีดวัคซีนครบแล้ว หลังเดินทางกลับจากต่างประเทศด้วยเช่นกัน . ณ เวลานี้ปฏิเสธไม่ได้แล้วว่าโควิด -19 จะกลายเป็นโรคประจำถิ่น การล็อคดาวน์จึงไม่ใช่หนทางแก้ปัญหาที่ยั่งยืน แต่ทุกคนต้องปรับตัวและอยู่ร่วมกับโควิดให้ได้ ไม่ต่างอะไรกับไข้หวัด เพื่อความสุขของประชาชนและเพื่อให้เศรษฐกิจสังคมสามารถขับเคลื่อนต่อไปได้ . #ส่งเสียงถึงนายก #เปิดประเทศด่วน #หยุดล็อกดาวน์ . ที่มา : https://www.bbc.com/news/uk-58226678 https://www.gov.uk/.../self-isolation-to-be-eased-for...