อย่าปล่อยให้ไปไม่ไหวแล้ว

..

ทุกชีวิตมีความสำคัญ แต่จะปล่อยให้คนส่วนใหญ่ทั้งประเทศตายทั้งเป็นไม่ได้ กิจการอาหาร ภาคการก่อสร้าง การท่องเที่ยว โรงภาพยนตร์ สปา และประชาชน กำลังสิ้นแรงสู้ คนงานก่อสร้างถูกกักอยู่ในแคมป์เยี่ยงนักโทษ แรงงานขาด โรงแรมกำลังล้มตาย เกิดการชะงักงัน เพราะการจัดการกับโรคที่มีอัตราตาย 0.8% ด้วยการปิดทุกอย่าง

หากแก้ไม่ตรงจุดครานี้ เราจะมาถึงจุดอันตราย

..

ในฐานะประชาชนที่ห่วงใยชาติ ขอถามท่านนายกด้วยความเคารพ... และอยากให้ท่านไปถามคณะทำงานต่อ ว่าสิ่งที่ท่านกำลังทำอยู่นี้ ถูกต้องแล้วหรือ

..

1.ติดเชื้อแต่ไม่มีอาการ อยู่ปกติดีทุกอย่าง

แสดงว่า ภูมิคุ้มกันหมู่เกิดขึ้นแล้วหรือไม่?

2. วันที่ไม่ได้ล็อก ตัวเลขติดเชื้อน้อยกว่าล็อก

การปิดทุกอย่าง คือการแก้ที่หลงทางไม่ใช่หรือ

3 เร่งฉีดวัคซีน ลดอัตราการตาย

ยอมรับว่าโควิดคือโรคประจำฤดูกาล

ดีกว่าผวากับตัวเลขผู้ติดเชื้อมั้ย?

4.ในเมื่อฉีดวัคซีนแล้ว ก็ยังติดเชื้อได้

แทนที่จะผวากับตัวเลขติดเชื้อ

ก็เรียนรู้ที่จะอยู่กับมันเหมือนที่ชาติยุโรปทำ

เน้นการรักษาผู้มีอาการ ลดการตาย

ดีกว่าให้สาธารณสุขล่ม

...

..

***ยิ่งปิดยิ่งติดเพิ่ม***

..

จากตัวเลขวันที่ 30 มิ.ย.ที่ยังไม่มีประกาศล็อกดาวน์ พบการติดเชื้อ 4,753 ตาย 53 คน* คิดเป็น 1.1% เมื่อมีการล็อกดาวน์ ตัวเลขวันที่ 30 ก.ค. พบการ ติดเชื้อ 17,345 ตาย 117 คน คิดเป็น 0.67%

ตัวเลขนี้แสดงให้เห็นว่า การล็อกดาวน์ลดการติดเชื้อไม่ได้ แต่การฉีดวัคซีนลดความรุนแรงของโรคได้ แม้จะติดเชื้อหลักหมื่น อัตราการเสียชีวิตก็ถือว่าต่ำ

..

****การให้นโยบายแก่ผู้ว่าราชการทุกจังหวัด ให้ลดการติดเชื้อ เป็นนโยบายที่ขัดกับความเป็นจริง***** เชียงใหม่ ชลบุรี จังหวัดท่องเที่ยว ตายทั้งเป็น ผู้ว่าอยากสร้างผลงานที่สวนกับความเป็นจริง อยู่แผ่นดินเดียวกัน แต่เดินทางถึงกันไม่ได้ แล้วเศรษฐกิจในจังหวัดจะเป็นอย่างไร ใช้เวลาสร้างธุรกิจทั้งชีวิต แต่ต้องล่มสลายด้วยนโยบายในเวลา 1 ปี เพราะนโยบายลดตัวเลขการติดเชื้อ

..

***เชื้อโควิดอยู่ในประชากรมากมายแล้ว ตรวจก็เจอ ไม่ตรวจก็ไม่เจอ**** แต่ที่เขาอยู่เป็นปกติ ก็เพราะเขามีภูมิคุ้มกันแล้ว จึงอยู่กับมันได้เหมือนที่ในตัวเรามีแบคทีเรียดีและแบคทีเรียร้าย แต่ทำไม แพทย์จึงไม่กล้าหาญออกมาพูด เหตุใดยังย้ำเรื่องลดอัตราการติดเชื้อ แทนการย้ำเรื่องเพิ่มประสิทธิภาพการรักษา เพื่อลดอัตราการตาย...เมื่อไหร่จะยอมรับความจริง

..

สิ่งที่ควรเน้นคือ ใครที่มีอาการจึงไปรักษาตัว ให้ประชาชนดูแลตัวเองหากมีอาการรักษาด้วยฟ้าทะลายโจร ประชาชนกำลังเข้าใจว่า การติดเชื้อโควิด คือตายอย่างเดียว ทุกวันนี้ภาพออกมาเป็นแบบนี้ เพราะขาดการสื่อสารที่ดี ย้ำกับประชาชนว่า ****ติดเชื้อแล้วรักษาได้ อย่าหวาดกลัวเกินจริง****

..

**ผลติดเชื้อลวงมีมาก**

อัตราการติดเชื้อที่พบ มีจำนวนมากที่เป็นผลลวง แม้แต่ดาราดังเองก็เจอผลบวกลวง จึงไม่ควรยึดตัวเลขการติดเชื้อ แต่ดูเฉพาะผู้มีอาการ ลดความตระหนก และค่อย ๆ เปิดประเทศให้เศรษฐกิจขับเคลื่อนได้

..

คณะแพทย์ของท่าน ใช้เวลาเกือบปีกว่าที่ท่านจะยอมรับว่า ฟ้าทะลายโจรช่วยรักษาโรคได้

คณะแพทย์ ใช้เวลา 1 ปีกว่าที่จะยอมให้ผู้ติดเชื้อไม่มีอาการ รักษาตัวเองที่บ้านได้ จนบุคลากรทางการแพทย์ใกล้สิ้นแรง

คณะแพทย์ โปรดอย่าทำแบบนั้นอีก อย่ารอให้คนครึ่งประเทศหมดแรงสู้ ล้มระเนระนาด แล้วค่อยยอมรับว่า ภูมิคุ้มกันหมู่เกิดขึ้นแล้ว ให้เลิกกังวลเรื่องตัวเลขติดเชื้อ รักษาโควิดเหมือนรักษาโรคอื่น ๆ

...

ประเทศทางยุโรป ทำให้เห็นเป็นตัวอย่าง เน้นฉีดวัคซีนและให้ความสำคัญกับลดอัตราตาย โดยไม่กังวลกับตัวเลขการติดเชื้อ ทำไมท่านถึงไม่ใช้แนวทางนั้นบ้าง แพทย์มองเห็นความเดือดร้อนสาหัสทุกย่อมหญ้าหรือไม่ ขอให้ท่านนายกสื่อสารอย่างชาญฉลาด ฟื้นเศรษฐกิจไปพร้อม ๆ กับการเร่งจัดหาวัคซีน

..

ตัวอย่างประเทศที่มีติดเชื้อสูง และเปิดประเทศเป็นปกติแล้ว

สวีเดน* ประชากร 10.23 ล้านคน ติดเชื้อ 1,099,415 ตาย 14,618 ราย (1.3%) *เปิดประเทศมาตลอด

ที่อิตาลี ประชากร 60.36 ล้านคน ติดเชื้อ 4,336,906 ตาย 128,029 ราย (2.9%)

อังกฤษ ประชากร 66.65 ล้านคน ติดเชื้อ 5,801,561 ตาย 129,515 ราย(2.2%)

อเมริกา ประชากร 382 ล้านคน ติดเชื้อ 35,584,272 ตาย 628,492 ราย

(1.77%)

ประเทศไทย 69.63 ล้านคน ติดเชื้อ 578,375 รายเสียชีวิต 4,679 ราย (0.8%)

ประเทศไทยตายน้อยสุด แต่ดราม่าสูงสุด

สื่อมวลชน โปรดลดการเสนอข่าวที่เน้นดราม่า สร้างความหวาดผวาเกินจริง

..

โปรดใช้นโยบายที่อยู่บนข้อเท็จจริง ก่อนที่ไม่มีใครจะมีแรงสู้ไปด้วยกันอีก

โรคที่มีความรุนแรง 0.8% ไม่ได้ทำให้เกิดหายนะ

แต่นโยบายต่างหาก ที่ทำให้เรากำลังตายทั้งเป็น

..

อ.อัจฉราวดี วงศ์สกล