top of page

งานอาสาธรรมบริกร

  • 26 พ.ย. 2564
  • ยาว 1 นาที

อัปเดตเมื่อ 15 ก.ค. 2565

ประสบการณ์ธรรม คุณศิริพร

“จงเป็นบ่อเกิดแห่งความดีงาม” นี่คือถ้อยคำที่ท่านอาจารย์มักจะกล่าวสอนศิษย์อยู่เสมอ ครั้งแรกที่ข้าพเจ้าได้รับฟังคำสอนนี้จากท่านอาจารย์ ข้าพเจ้าก็มีความประทับใจอย่างที่สุดเพราะไม่เคยได้ฟังจากที่ไหนมาก่อน เป็นถ้อยคำที่เรียบง่ายแต่ลึกซึ้ง ครอบคลุมในทุกด้านของการดำเนินชีวิต ท่านอาจารย์ไม่เพียงสอนในเรื่องธรรมะและการภาวนาเพื่อการหลุดพ้น หากแต่ท่านยังสอนศิษย์ให้รู้จักการใช้ชีวิตในแบบฆราวาสที่เหมาะสมและเอื้อต่อเป้าหมายแห่งการพ้นทุกข์

นับตั้งแต่ได้รับโอกาสเป็นศิษย์ของท่านอาจารย์ในปลายปี 2559 โดยเริ่มจากคอร์สอานาปานสติต่อด้วยคอร์สเตโชวิปัสสนาในปี 2560 มาจนถึงวันนี้ ข้าพเจ้าได้ยึดถือคำสอนนี้เป็นหลักในการดำเนินชีวิตตลอดมาเป็นเวลาหลายปี โดยหลังจากที่ได้เกษียณจากงานประจำแล้ว ข้าพเจ้าก็ภาวนาเป็นหน้าที่ประจำวันและเข้าร่วมในกิจต่าง ๆ ของสายธรรม รวมถึงทำงานอาสาตามกำลังความสามารถมาอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม มีงานอาสาที่ข้าพเจ้ามีความลังเลที่จะเข้าร่วมมาโดยตลอด นั่นคือ งานธรรมบริกร ด้วยเข้าใจว่าเป็นงานที่น่าจะเหมาะกับผู้ที่อยู่ในวัยหนุ่มสาว ซึ่งที่ผ่านมาข้าพเจ้าก็มักจะเห็นธรรมบริกรที่เป็นคนรุ่นน้องทำงานด้วยความกระฉับกระเฉง คล่องแคล่วว่องไว เป็นที่น่าชื่นชมอย่างยิ่ง

ในช่วงหลัง ๆ เมื่อได้ทราบว่ามีผู้อาสาทำงานธรรมบริกรน้อยลงเรื่อย ๆ บางคอร์สก็มีจำนวนไม่เพียงพอ ข้าพเจ้าจึงตัดสินใจว่าจะลองสมัครทำหน้าที่นี้สักครั้งหนึ่ง ถึงแม้ว่าคุณสมบัติอาจจะไม่เหมาะสมกับงานนัก กล่าวคือ ข้าพเจ้ามีอายุ 60 ปีแล้ว จึงจัดเป็นผู้สูงอายุ อีกทั้งยังมีน้ำหนักเพียง 40 กิโลกรัม ซึ่งนับว่าต่ำกว่าเกณฑ์ ดูเหมือนจะไม่แข็งแรงพอสำหรับงานธรรมบริกรที่ต้องใช้พลังกายอย่างมาก

แต่เนื่องจากสถานการณ์โควิด ทำให้ธรรมสถานไม่สามารถเปิดคอร์สภาวนาได้มาเป็นระยะเวลาหนึ่ง ข้าพเจ้าจึงไม่สามารถทำให้ความตั้งใจดังกล่าวเป็นจริงได้เสียที หนำซ้ำบางครั้งก็เกิดความลังเลใจว่าจะทำหน้าที่นี้ไหวหรือไม่ เนื่องจากมีปัญหาสุขภาพอยู่เป็นระยะ แต่แล้วก็คิดได้ว่า ข้าพเจ้าไม่สามารถจะรอให้พร้อมกว่านี้ เพราะสภาพร่างกายในวัยนี้มีแต่จะถดถอยลงไปทุกวัน หากไม่ตัดสินใจเดินหน้าก็อาจจะไม่มีโอกาสอีกเลย เพราะไม่รู้ว่าจะมีลมหายใจอยู่จนถึงวันไหน

ดังนั้น เมื่อมีการเปิดคอร์สเตโชวิปัสสนาในต้นเดือนพฤศจิกายน 2564 จึงได้ตัดสินใจสมัครทำหน้าที่นี้อย่างไม่ลังเล แต่ในขณะที่โทรศัพท์ไปแจ้งกับทางมูลนิธินั้น ก็ไม่แน่ใจว่าผู้รับสมัครจะเป็นฝ่ายที่ลังเลใจหรือไม่ หลังจากที่ได้ทราบอายุของข้าพเจ้า โดยเธอแจ้งว่าจะตอบกลับในภายหลัง และแล้วในสัปดาห์ก่อนวันเปิดคอร์ส ข้าพเจ้าก็ได้รับการตอบรับ จึงได้เตรียมตัวอย่างเต็มที่เพื่อให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างที่ตั้งใจไว้

เมื่อเดินทางมาถึงธรรมสถานในวันแรก สิ่งแรกที่ข้าพเจ้าทำก็คือ การน้อมสักการะพระบรมศาสดา คุณพระศรีรัตนตรัย และพ่อแม่ครูอาจารย์ พร้อมทั้งตั้งจิตอธิษฐานขอทุ่มเทอย่างเต็มกำลังความสามารถเพื่อให้ทำหน้าที่ได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ ตลอดระยะเวลา 8 วันนับจากวันเตรียมงานจนถึงวันปิดคอร์ส ข้าพเจ้าได้รับประสบการณ์มากมาย ทั้งจากงานหลากหลายอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อนและจากสภาวะที่เหมือนการทำศึกภายในจิตใจ ในขณะที่ผู้ปฏิบัติเข้าสู่สนามรบในแดนจิต แม่ครัวและธรรมบริกรทุกคนก็ทำหน้าที่โดยทุ่มเทกำลังกายกำลังใจอย่างเต็มที่ให้งานทุกอย่างสำเร็จเรียบร้อยตามกำหนดเวลา เพื่อให้ผู้ปฏิบัติทั้งหลายได้รับประทานอาหารอย่างเพียงพอและมีความสะดวกสบายตามสมควร

อันที่จริง การทำหน้าที่ฝ่ายเสบียงในแนวหลังนั้นนับเป็นงานที่หนักหนาอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อกำลังคนไม่เพียงพอกับปริมาณงาน ทุกคนต้องวิ่งวุ่นกับหน้าที่ที่รับผิดชอบนับตั้งแต่ตื่นนอนไปจนถึงเวลาค่ำ (ยกเว้นช่วงเวลาพัก) ในการจัดเตรียมอาหารแต่ละมื้อที่ดูเหมือนเป็นอาหารง่าย ๆ นั้น แท้จริงกลับมีรายละเอียดมากมาย นับตั้งแต่การล้าง การหั่นวัตถุดิบให้มีขนาดพอดีเหมาะแก่การรับประทาน การปรุงรสให้พอเหมาะ การจัดวางให้เรียบร้อย ดูสะอาดตาและน่ารับประทาน โดยงานทั้งหมดนี้อยู่ในความดูแลของแม่ครัว (คุณปณิชา) และความประณีตเอาใจใส่ในทุกรายละเอียดนั้นก็มาจากความเมตตาชี้แนะของท่านอาจารย์ที่มุ่งหวังให้ทุกสิ่งเอื้อต่อการปฏิบัติภาวนาของศิษย์

เพียงได้ทำงานวันแรก ข้าพเจ้าก็รู้สึกซาบซึ้งใจอย่างยิ่งกับงานของธรรมบริกรจนถึงกับน้ำตาไหลออกมาเมื่อรับประทานอาหารมื้อแรกที่ตัวเองมีส่วนในการตระเตรียม ข้าพเจ้านึกถึงเวลาที่มาเป็นผู้ปฏิบัติในคอร์ส ซึ่งทุกครั้งก่อนที่จะรับประทานอาหาร ก็จะยกมือไหว้แสดงความขอบคุณแม่ครัวและธรรมบริกรผู้จัดอาหารให้ได้รับประทาน และเมื่อมาทำหน้าที่นี้เอง ก็ยิ่งมีความรู้สึกขอบคุณและซาบซึ้งในบุญคุณและความเสียสละของแม่ครัวและธรรมบริกรมากกว่าครั้งไหน

ในขณะที่มีหน้าที่หลาย ๆ อย่างต้องทำในเวลาเดียวกัน ข้าพเจ้าต้องจดจ่อกับงานแต่ละอย่างเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาด ซึ่งก็ทำให้มองเห็นกิเลสที่อยู่ในจิตอย่างชัดเจน อัตตานั้นโผล่มาให้เห็นอยู่เสมอ ๆ ยิ่งเห็นมากก็ยิ่งรู้ตัวว่าอัตตาในตนเองนี้มีมากเสียจริง ๆ

การทำงานที่แข่งกับเวลาอย่างต่อเนื่องและทุ่มเทอย่างเต็มกำลัง ทำให้ธรรมบริกรทุกคนเหนื่อยล้าอย่างมาก งานหลายอย่างที่ไม่เคยคิดว่าจะทำได้ เช่น การยกและล้างหม้อ ถาด หรือกระทะใบใหญ่ซึ่งมีน้ำหนักมาก ข้าพเจ้าก็สามารถที่จะทำได้อย่างไม่น่าเชื่อ ถึงแม้ว่าหลังจากนั้นจะรู้สึกหมดเรี่ยวหมดแรงไปเลยก็ตาม ทั้งนี้ เพราะเชื่ออย่างยิ่งว่า ด้วยความเมตตาอันยิ่งใหญ่และพลังคุ้มครองจากพระบรมศาสดา คุณพระศรีรัตนตรัยและพ่อแม่ครูอาจารย์ ทำให้ทุกคนรวมทั้งข้าพเจ้าสามารถทำหน้าที่นี้ได้อย่างเต็มกำลังตลอดระยะของคอร์สตามที่มุ่งมั่นตั้งใจไว้


นอกเหนือจากการทำหน้าที่เหล่านี้ ข้าพเจ้าก็ยังได้เห็นว่าการภาวนาในแต่ละช่วงเวลาสำหรับธรรมบริกรนั้นมีความสำคัญอย่างยิ่งเช่นกัน เพราะในขณะที่ทำงานแข่งกับเวลา ก็จะรู้สึกเหมือนกับได้เข้าสู่สมรภูมิในรูปแบบหนึ่ง การได้ภาวนาในช่วงเวลาสั้น ๆ สามารถช่วยให้จิตใจมีพลังในการต่อสู้กับกิเลสที่ปรากฏในจิตในแต่ละวัน ถึงแม้ว่าความเหนื่อยล้าอาจทำให้ไม่สามารถตั้งมั่นได้ในบางช่วงเวลาก็ตาม

คำว่า “กองทัพเดินด้วยท้อง” นั้นเป็นความจริงแท้ หากผู้ปฏิบัติไม่ได้รับการดูแลให้มีความสะดวกสบายในด้านต่าง ๆ ตามสมควร ก็จะไม่สามารถภาวนาได้อย่างเต็มกำลัง อันจะเป็นเหตุให้ท่านอาจารย์ต้องใช้พลังมากยิ่งขึ้นในการสอนสั่ง ดังนั้น สำหรับข้าพเจ้า การได้มาทำหน้าที่ธรรมบริกรในครั้งนี้คือการได้ตอบแทนพระคุณของพ่อแม่ครูอาจารย์ ผู้ซึ่งมอบโอกาสให้ข้าพเจ้าได้มาเป็นศิษย์ ได้มาปฏิบัติภาวนาในคอร์ส และยังได้ตอบแทนศิษย์พี่ศิษย์น้องที่ได้ทุ่มเทเสียสละแรงกายแรงใจผลัดกันมาทำหน้าที่แม่ครัวและธรรมบริกร นอกจากนี้ นี่คือการฝึกฝนตนเองในอีกรูปแบบหนึ่งที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้ได้มองเห็นอัตตาที่อยู่ในจิตใจและสามารถลดละลงไปได้บ้าง

ในโอกาสนี้ ข้าพเจ้าขอน้อมถวายบุญกุศลทั้งหมดที่เกิดจากการแบ่งปันธรรมทานนี้แด่องค์พระบรมศาสดา พ่อแม่ครูอาจารย์ทุกองค์ทุกท่าน พระอาจารย์ใหญ่ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) และท่านอาจารย์อัจฉราวดี วงศ์สกล ด้วยความเคารพนอบน้อมยิ่ง

Comments


bottom of page