นิมิตเตือนก่อนตาย
- 9 มี.ค. 2561
- ยาว 1 นาที
อัปเดตเมื่อ 15 ก.ค. 2565
ธรรมทานจากประสบการณ์จริงของนายแพทย์
สำหรับคนโบราณและในหมู่นักปฏิบัติธรรม มักจะมีคำบอกเล่าที่คุ้นเคยว่า บางคนเวลาก่อนจะตาย จะมีลางบอกเหุตหรือนิมิตที่ก็คือความฝันมาเตือน แต่ส่วนมาก เมื่อบุคคลนั้นตายไปแล้วญาติพี่น้องจึงค่อยมารู้ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นคือลางบอกเหตุ ลางอันหนึ่งที่เหลือจะเชื่อมากก็คือ การมองเห็นบุคคลนั้นขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ “ไม่มีศีรษะ”บางทีเห็นเงาแต่ตัว แต่ศีรษะหาย สำหรับผู้ที่มีบุญหนุนอยู่บ้าง เมื่อจะหมดอายุขัยก็จะมีนิมิตเตือนชัดเจน โดยเฉพาะผู้ปฏิบัติวิปัสสนาพ่อแม่ครูอาจารย์กล่าวว่า ปฏิบัติแล้วจะรู้ว่า “จะตายเมื่อไหร่”
เรื่องเล่าเป็นธรรมทานนี้ เป็นเรื่องของอาจารย์แพทย์ นพ.กิจชจาร ผู้มาเป็นศิษย์ปฏิบัติเตโชวิปัสสนามาหลายปี ชำระจิตบริสุทธิ์ได้เป็นลำดับขั้น บัดนี้ท่านอายุ 73 ปี เป็นอายุขัยจริง แต่ก่อนจะถึงเวลาหมดอายุขัยก็มีนิมิตเตือน ไม่ต้องเชื่อแต่ขออย่าได้ลบหลู่ดูหมิ่นผู้เมตตานำเรื่องความตายของตน มาเล่าเป็นธรรมทานเพื่อพิจารณา จะเป็นบาปแก่ตน
“ข้าพเจ้า กิจชจาร ขอเล่าประสบการณ์เรื่อง “นิมิตเตือนก่อนตาย” เพื่อเป็นธรรมทานเตือนเหล่ากัลยาณมิตรทุกท่านถึงเรื่องความไม่ประมาทในการใช้ชีวิต ที่มีวาสนาได้เกิดมา ได้นับถือพุทธศาสนา และที่สำคัญคือได้พบพ่อแม่ครูอาจารย์ ที่สอนสั่งธรรมการปฏิบัติตนทั้งกาย วาจา และใจเพื่อความพ้นทุกข์ หนีออกจากวัฏสงสารได้จริง
เมื่อประมาณปลายเดือนมิถุนายน 2560 ข้าพเจ้าบวชพระก็ได้จำอยู่ที่สถานปฏิบัติธรรมลานหินป่าโมกข์ ที่นำสอนสายธรรมเตโชวิปัสสนา โดยพระคุณเจ้าสัญชัย จิตตภโล ที่นี่มีการปฏิบัติภาวนาวันละ 7 ชั่วโมง ภาวนาบางวันก็ดี จิตรวมดี ในราวกว่า 2 สัปดาห์ผ่านไป ก็มีนิมิตครูอาจารย์มาให้เห็นมาก ส่วนใหญ่เป็นสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต เช่นหลวงปู่แหวน หลวงปู่สิงห์ หลวงปู่ชอบ หลวงปู่สิม และอีกหลายองค์ที่ข้าพเจ้าไม่รู้จัก
ครั้งแรกเห็นดวงจิตหลวงปู่แหวนมาพร้อมหลวงพ่อฤาษีลิงดำ สักพักก็มีจุดดำ ๆ อยู่ไกลมาก ลอยอย่างเร็วมาหา แล้วก็กลายเป็นจุดที่มีแสงเกิดดับเหมือนหิ่งห้อย พอมาถึงใกล้ตัวก็เปลี่ยนเป็นหน้าปัดนาฬิกา แต่ต้องอุเบกขาและมิได้ดูเวลา ไม่ได้ติดตาม แต่เกิดปีติน้ำตาไหลไม่หยุด พอหลวงพ่อสัญชัยฟังแล้วบอกให้ไปต่ออายุ ก็ไม่เข้าใจเลยเฉย ๆ จนหลายวันต่อมาหลวงพ่อสัญชัยเตือนอีก เพราะไปบอกท่านว่ามีครูอาจารย์มาปรากฏในนิมิตอีกมาก ก็เลยไปกราบองค์พระมหามงคลโพธิญาณ ที่ประดิษฐานอยู่ที่สำนักสงฆ์ ขอต่ออายุตามแต่จะทรงเมตตา เพื่อช่วยท่านอาจารย์ปกป้องพระพุทธศาสนา มาอีกสัปดาห์ก็เกิดปีติร้องไห้สะอื้นโดยไม่มีนิมิตใด ๆ จิตใจขณะนั้นไม่กลัวตายเลย จนลาสิกขากลับบ้านก็มีนิมิตขณะภาวนาที่บ้าน หลวงปู่แหวนท่านมายืนรออยู่ในทางตรงลูกรังยาวไกลออกไปราวร้อยเมตร โดยข้าง ๆ เป็นป่าไม้เขียวสวยงามมีภูเขาเขียวขจีสวย ในจิตก็มิได้อุเบกขา แต่ส่งจิตบอกท่านว่า ผมพร้อมจะเดินทางแล้ว ต่อมาอีก 2-3 วันมีนิมิตนาฬิกาอันเดิมผุดขึ้นอีกก็จ้องดูเห็นบอกเวลา 7 โมง โดยหลวงปู่แหวนท่านมาอีก (ข้าพเจ้าไม่เคยพบท่านตอนท่านยังไม่ละสังขาร)
เมื่อมาปฏิบัติกับท่านอาจารย์อัจฉราวดี ที่เตโชวิปัสสนาสถาน ผมเล่านิมิตต่าง ๆ ตั้งแต่ต้นจนเรื่อง 7 โมงของนาฬิกาท่านก็เฉลยว่า จะหมดอายุขัยจริงอีก 7 เดือนที่มิใช่กรรมตัดรอน ถึงตอนนี้เริ่มกลัวแล้ว ไม่ใช่กลัวตาย แต่กลัวว่าแค่ 7 เดือนเราจะภาวนาให้หลุดพ้นมันคงยาก ก็ไปขอต่ออายุที่ลานโพธิ์อธิษฐานขอต่ออายุ เพื่อช่วยท่านอาจารย์จนถึงวาระสุดท้าย อีก 2-3 วัน ก็มีนิมิตว่าตัวเองไม่มีหัวแล้วก็เกิดเป็นหัวใหม่ขึ้นมา แต่เป็นหัวทองคำสุกส่องประกายแสงจนแสบตา
จนมาถึงคอร์สวันที่ 25 เดือนมีนาคมนี้นั้น ข้าพเจ้าก็มีนิมิตอีกเป็นท้องฟ้าสว่าง ค่อนข้างเหลืองอ่อน ๆ สักครู่ก็มีมืดดำสลับสว่างราว 6-7 วินาที แล้วมีเสียงขึ้นมาว่า “อนิจจัง” และก็เห็นสภาวะธรรมในจิต เป็นพระพุทธรูปในปางปรินิพพาน พอสอบอารมณ์ ท่านอาจารย์บอกว่าหมดอายุขัย พอกลางคืนวันมาฆะบูชา ซึ่งเป็นเดือนที่ 7 ตามที่ท่านอาจารย์เคยบอกไว้ ก็มีอาการเจ็บหน้าอก ก็ทำการไอแรง เพื่อกระแทกหัวใจและทุบหน้าอกก็หาย บ่ายวันต่อมามีเจ็บอีกแต่เบา จึงเรียนท่านอาจารย์ขอกลับบ้าน เพราะไม่อยากให้เกิดเรื่องที่ธรรมสถาน
ท่านอาจารย์ได้เมตตาต่ออายุให้ โดยแบ่งบุญที่ท่านไปภาวนาที่อินเดียมาให้เพื่ออยู่ช่วยพระพุทธศาสนา และยังต้องไปปล่อยโคปีละตัวเป็นเวลา 3 ปี ปล่อยปลาทุกเดือน และที่สำคัญต้องไปบวชพระ 1 องค์ ก็มีกัลยาณมิตรที่ประเสริฐขอบวช ให้ด้วยความเต็มใจ ท่านคือคุณโชดก ซึ่งขออาสาช่วยทุกอย่างเพื่อต่ออายุให้ข้าพเจ้า ข้าพเจ้ายังมีวาสนาที่มีนิมิตเตือนก่อนตายหลายครั้ง เพื่อมีโอกาสช่วยพระศาสนาและท่านอาจารย์อัจฉราวดี วงศ์สกลต่อไป ขอให้ธรรมทานนี้เตือนใจท่านทั้งหลายเพื่อความไม่ประมาท
สำหรับผู้ที่ไม่ใช่นักภาวนา แล้วเกิดไปเห็นเงาบุคคลที่ใกล้ตายไม่มีศีรษะนั้น เกิดจากพลังงานของจิตของผู้ใกล้ตายไม่สามารถเชื่อมกับกายได้เต็มที่อีก เป็นลักษณะการใกล้หมดอายุขัย จึงทำให้ไม่เห็นเงาช่วงศีรษะ เหตุที่การบวชอุทิศให้ช่วยได้มากเพราะเป็นการลดพลังโลกียะวิสัย เพิ่มพลังโลกุตระวิสัย แล้วอุทิศพลังนี้ให้ผู้ใกล้หมดอายุขัย จึงทำให้เขาอายุยืนขึ้น หรือบุคคลผู้หมดอายุขัยบวชเองก็ได้ หากสุขภาพพร้อม
สำหรับการต่ออายุขัยเร่งด่วนสำหรับผู้มีนิมิตเตือน มีดังนี้
1. คือต้องรักษาศีล 5 ให้บริสุทธิ์ หยุดทำปาณาติปาตเด็ดขาด 2. ไปถวายผ้าไตร 1 ชุดที่โบสถ์ น้อมจิตถวายพระพุทธเจ้าต่อหน้าพระประธาน แล้วอธิษฐานขอให้พระสงฆ์ได้สามารถนำผ้าไตรนี้มาใช้ได้ อธิษฐานจิตจะขอต่ออายุเพื่ออะไร ทำไม กี่ปี แล้วแต่จะอธิษฐาน สวดพระไตรสรณคมก่อนถวายผ้าไตร 3. สวดบทอิติปิโส คือบทพุทธคุณ ธัมมคุณ สังฆคุณ 108 จบ 9 วัน โดยสวด 9 จบแล้วพักเป็นช่วง ๆ จากนั้นลดเป็นวันละ 9 จบ ตลอด 1 เดือน 4. ไปปล่อยชีวิตสัตว์ตามกำลังทรัพย์ที่ตนมี การปล่อยวัวเป็นเงินสูง ตัวนึงร่วม 30,000 บาท หากไม่สามารถ ให้ปล่อยปลาที่ซื้อจากตลาดจริง ๆ ก็ได้ อย่าทำให้ตนเดือดร้อน อย่าไปหยิบยืมเงินคนอื่นมาทำ ไม่ดี แล้วก็อธิษฐานขอให้บุญจากการให้ทานชีวิต ส่งผลให้ตนอายุยืนขึ้น
** ในการต่ออายุขัย ต้องทำด้วยจิตนอบน้อม ขอพึ่งพุทธบารมี รัตนบารมี อย่าทำด้วยความกลัวลนลาน หากตั้งกระแสจิตผิด ไม่มีความนอบน้อมสักการะ สิ่งที่ทำลงไปจะไม่ได้ผลสมบูรณ์เพราะมีตัณหามาขวาง ให้ตั้งจิตตระหนักถึงความไม่ประมาท และอนิจจัง
สำหรับผู้ที่ไม่มีนิมิตเตือน ข้ออื่นไม่ต้องทำก็ได้ แต่สิ่งที่ต้องทำทุกลมหายใจคือการรักษาศีลห้าให้บริสุทธิ์ หาไม่แล้ว หากสะสมกรรมเรื่อย ๆ แม้จะไม่ได้ฆ่าสัตว์ แต่ชีวิตที่ถูกกรรมที่ตนทำไว้เล่นงาน การมีชีวิตอยู่ก็จะมีแต่ประสบภัยเวรไม่จบสิ้น ส่วนการสวดบทพุทธคุณย่อมนำกระแสกุศลมาสู่ชีวิต
อาจารย์อัจฉราวดี วงศ์สกล 8 มีนาคม 2018
** เชิญอ่านคำสอนและประสบการณ์ภาวนาที่ลึกซึ้งของอาจารย์อัจฉราวดี วงศ์สกลได้ ที่หนังสือ “ฆราวาสบรรลุธรรม 1 และ 2 มีจำหน่ายที่ร้านหนังสือทั่วไป” รายได้สุทธิเข้ามูลนิธิโรงเรียนแห่งชีวิต
* ยินดีให้แชร์เพื่อเป็นธรรมทาน
Comentarios